เกร็ดความรู้ปฏิบัติตัวหลังทำฟัน

เกร็ดความรู้ปฏิบัติตัวหลังทำฟัน

หลังขูดหินปูน

         หลังขูดหินปูนเพื่อรักษาโรคปริทันต์หรือโรคเหงือกอักเสบ เมื่อคุณบ้วนปากอาจจะมีเลือดออกบ้างเล็กน้อย เป็นปกติ และจะมีอาการเสียวฟันได้ เนื่องจากหินปูนที่เกาะจะทำให้เหงือกอักเสบ ร่นเกาะลงไปถึงรากฟัน เมื่อทำการขจัดหินปูนออก ผิวรากฟันจะสัมผัสกับน้ำมากขึ้น

หลังอุดฟันด้วยอมัลกัม

  1. ควรหลีกเลี่ยงการใช้งาน ภายใน 24 ชั่วโมง เพราะอาจจะทำให้วัสดุอุดที่ยังไม่แข็งตัวดี อาจหลุดได้
  2. งดรับประทานของแข็ง ของเหนียวจัด เพราะอาจจะทำให้วัสดุอุดหลุดหรือแตกได้
  3. หากมีเศษอาหารติดซอกฟัน แนะนำให้ใช้ไหมขัดฟัน หรือแปรงซอกฟัน แทนการใช้ไม้จิ้มฟัน
  4. หลังจากอุดฟันพบมีอาการเสียวฟัน หรือปวด หรืออาการผิดปกติซี่ที่อุด นานกว่า 3 เดือนไม่มีอาการดีขึ้น ควรรีบกลับมาพบทันตแพทย์
  5. ควรกลับมาเช็คสุขภาพฟันทุก 6เดือน เพื่อเช็คสภาพรอยที่อุด
  6. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มร้อน-เย็นจัด
  7. เวลารับประทานอาหาร แนะนำเคี้ยวโดยปิดริมฝีปาก เพื่อป้องกันอาการเสียวฟัน เวลาโดนอากาศเย็น ในบางคนที่ไวต่ออุณหภูมิ

หลังอุดฟันด้วยวัสดุสีเหมือนฟันหรือ คอมโพสิต เรซิน

  1. ภายหลังการอุดฟัน สามารถใช้งาน บดเคี้ยวอาหารได้ปกติ
  2. กรณีที่อุดฟันซี่หน้า ควรหลีกเลี่ยงการใช้งาน เพราะจะทำให้วัสดุอุดบิ่นหรือแตกได้
  3. หลีกเลี่ยงการรับประทานของแข็ง ของเหนียวจัด
  4. ควรงดรับประทานอาหารประเภท ชา กาแฟ ช็อกโกแลต รวมทั้งบุหรี่ เพราะจะทำให้วัสดุอุดเปลี่ยนสีได้เร็ว
  5. ในการทำความสะอาดซอกฟัน ควรใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ โดยเฉพาะอุดฟันหน้า เพราะการสะสมของคราบอาหาร มีผลต่อสีวัสดุอุดเปลี่ยนสีได้เร็ว
  6. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มร้อน-เย็นจัด
  7. เวลารับประทานอาหาร แนะนำเคี้ยวโดยปิดริมฝีปาก เพื่อป้องกันอาการเสียวฟัน เวลาโดนอากาศเย็น ในบางคนที่ไวต่ออุณหภูมิ

หลังถอนฟัน หรือ ผ่าฟันคุด

  1. กัดผ้าให้แน่นไว้ 1 ชั่วโมง หลังจากการถอนฟันหรือผ่าตัด แล้วคายผ้าทิ้ง  หากมีเลือดไหลออกมาอีก  ให้กัดผ้าที่สะอาดใหม่อีก 1 ชั่วโมงพร้อมประคบน้ำแข็งนอกปากบริเวณที่ถอน และเลือดน้ำลายให้กลืน ห้ามบ้วนทิ้ง เพราะจะทำให้เลือดหยุดช้าลง
  2. หากเลือดไม่หยุดไหล ควรใช้น้ำแข็งห่อผ้าหรือกระดาษประคบนอกปากบริเวณที่ถอนฟัน หรือแผลผ่าตัด ห้ามใช้น้ำแข็งอมไว้ในปาก!! และหากอาการยังไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน เช่น เลือดไหลไม่หยุด บวม อักเสบมากกว่าเดิม หรืออาการไม่บรรเทาลง ให้กลับมาพบทันตแพทย์
  3. หากมีอาการปวดให้รับประทานยาแก้ปวด ครั้งละ 1-2 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมง และรับประทานยาตามที่ทันตแพทย์สั่ง
  4. ในวันแรกของการถอนฟันหรือผ่า ห้ามบ้วนน้ำ หรือถ้าจำเป็นควรบ้วนเบาๆ
  5. สามารถแปรงฟันได้ แต่ควรระวังอย่าให้โดนแผลที่ถอน
  6. ห้ามดูดแผลหรือแคะหรือ แกะแผลที่ถอน
  7. ห้ามดื่มสุรา ห้ามสูบบุหรี่ อาหารรสจัด ร้อนจัดเป็นเวลา 3 วัน ควรจะรับประทานอาหารอ่อนๆในช่วงแรก
  8. ห้ามออกกำลังกายใน 24 ชั่วโมง
  9. กรณีที่เป็นแผลผ่าตัดหรือแผลผ่าฟันคุด  ควรประคบด้วยเย็นใน 24 ชั่วโมงแรก  ภายหลังจากผ่าตัด 1 วัน  จะทำให้อาการบวมยุบเร็วขึ้น  และกลับมาตัดไหมภายหลัง  ประมาณ 7 วัน ไม่ควรเกิน 10 วัน หรือตามที่ทันตแพทย์กำหนด

หลังรักษารากฟัน

  1. หลังรักษารากฟันใหม่ ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่าเหงือกบริเวณที่รักษารากฟันนิ่มลง และโดยเฉพาะในครั้งแรกอาจจะมีอาการเจ็บใน 2-3 วันแรกและอาการจะค่อยๆหายไป ซึ่งหากมีอาการปวดทนไม่ไหวทานยาระงับแก้ปวดทั่วไป เช่น พาราเซตามอล หรือ ไอบูโพรเฟน เป็นต้น
  2. ไม่ควรรับประทานอาหารในทันที จนกว่าอาการชาที่ใช้จะหมดไป
  3. ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานซี่ฟันที่รักษารากฟัน เพราะอาจจะทำให้แตกหรือหักได้
  4. กรณีที่วัสดุอุดฟันชั่วคราวหลุด ควรรีบกลับมาพบทันตแพทย์ทันที

หลังผ่าตัดแต่งเหงือก

  1. ถ้าเลือดยังไม่หยุดไหลให้เปลี่ยนผ้าก๊อซและกัดต่อ
  2. ห้ามดูดแผล หรือเขี่ยแผล เพราะจะทำให้แผลอักเสบเพิ่มได้
  3. ในการทำความสะอาด ใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือเช็ดเบาๆที่แผล
  4. ตัดไหมตามที่ทันตแพทย์กำหนด
  5. ในกรณีที่มีการใส่เครื่องมือชนิดถอดได้ในปาก สามารถนำออกมาทำความสะอาดโดยการทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่และใส่กลับไปในช่องปากหลังจากทำความสะอาดเสร็จ
  6. หากมีอาการปวดแผลผ่าตัด สามารถทานยาแก้ปวดบรรเทาอาการได้ ยกเว้นยาแอสไพริน เพราะอาจทำให้เลือดออกได้
  7. หลีกเลี่ยงทานอาหารแข็ง เน้นอาหารเคี้ยวง่าย อาหารอ่อน ประมาณ 1 สัปดาห์

หลังใส่ครอบฟัน/สะพานฟัน (ฟันปลอมชนิดติดแน่น)

  1. หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง 24 ชั่วโมงหลังยึดสะพานฟัน/ครอบฟัน
  2. ในการรับประทานอาหารช่วงแรก ควรเริ่มทานอาหารอ่อนก่อนจนกว่าจะคุ้นเคยกับครอบฟัน/สะพานฟัน
  3. บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง จะช่วยลดให้เกิดอาการบวมได้
  4. ในผู้ป่วยบางรายหลังใส่ครอบฟัน/สะพานฟัน อาจเกิดอาการเสียวฟัน ซึ่งอาการจะสามารถหายไปได้เองและควรหลีกเลี่ยงดื่มหรือรับประทานอาหารที่ร้อน-เย็นจัด และมีกรดสูง เลือกใช้ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปากที่มีสารฟลูออไรด์สูงซึ่งสามารถช่วยปัญหาการเสียวฟันได้ แต่หากอาการเหล่านี้ยังไม่ดีขึ้น ให้กลับมาพบทันตแพทย์
  5. การแปรงฟัน ควรแปรงวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันโดยเฉพาะบริเวณที่ทีการครอบ และใช้น้ำยาบ้วนปากที่ต่อต้านแบคทีเรียอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  6. หากหลังจากใส่ครอบฟัน/สะพานฟัน รู้สึกที่ครอบหลวม หลุด มีรอยแตก มีอาการแพ้วัสดุที่ใช้ครอบ เสียวฟันมากหลายวัน ให้กลับมาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจดูอาการ
  7. ควรนัดตรวจกับทันตแพทย์ทุก 6 เดือน

หลังใส่ฟันปลอม (ชนิดถอดได้)

ผู้ป่วยที่ใส่ฟันปลอมช่วงแรกๆอาจะปรับตัวยังไม่ค่อยได้ จะมีความรู้สึกไม่สบายในช่องปาก ในเรื่องการพูด การรับประทานอาหาร ต้องค่อยๆเริ่มฝึกให้ชิน แต่หากมีอาการใส่แล้วหลวม ใส่แล้วเจ็บ หรือแตก มีรอยแตก มีอาการะคายเคือง ให้กลับมาพบทันตแพทย์ นอกจากนี้ผู้ป่วยควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำเบื้องต้น เพื่อยืดอายุการใช้งานฟันปลอมได้นานขึ้น

  1. ห้ามใส่ฟันปลอมนอน เพื่อป้องกันเหงือกอักเสบและพักการกดทับเหงือก
  2. หลังถอดฟันปลอม ควรนำแช่น้ำในน้ำสะอาด(อุณหภูมิปกติไม่ร้อน ไม่เย็น) โดยในการแช่ ต้องแช่ฟันปลอมให้จม เพื่อป้องกันฟันปลอมแห้งและหดตัว
  3. ควรหลีกเลี่ยงทานของแข็ง ของเหนียว
  4. ไม่ควรใช้ฟันหน้ากัด บดอาหาร เพราะจะทำให้ฟันปลอมหลุดได้ง่าย
  5. ทำความสะอาดฟันปลอมทุกครั้งหลังทานอาหาร โดยใช้แปรงขนนุ่มใส่ยาสีฟัน(เป็นครีม) แปรงขัดให้ทั่ว อย่าแปรงแรงเกินไปเพราะอาจจะทำให้ฟันหลุดออกมาได้ หากกรณีที่ใช้ฟันปลอมมานาน จนเกิดคราบสีน้ำตาล ล้างไม่ออก อาจจะทำให้เกิดแผลหรือเชื้อราในช่องปากได้ ใช้เม็ดฟู่สำหรับแช่ทำความสะอาดฟันปลอม หาซื้อได้ตามร้านขายยา คลินิกทันตกรรม
  6. ในช่วงที่เริ่มใส่ฟันปลอม ปีแรก แนะนำมาตรวจฟันตามที่ทันตแพทย์นัดและหลังจากนั้นปีละครั้ง เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น ภายในช่องปากเราจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ฟันปลอมหลวม เคี้ยวอาหารได้ลำบาก เป็นต้น

Search