นักวิจัยไทยเจ๋ง สกัดโปรตีนจากจุลินทรีย์ ป้องกันมะเร็งลำไส้

นักวิจัยไทยเจ๋ง สกัดโปรตีนจากจุลินทรีย์ ป้องกันมะเร็งลำไส้

 

ไทยรัฐออนไลน์ (2 ส.ค. 2563 19:45 น.) https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1902128

มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นโรคที่พบมากอันดับต้นๆ ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก และทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด โดยจำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี ปัจจุบันพบมากเป็นอันดับ 3 ในเพศชาย รองจากมะเร็งตับและปอด และอันดับ 4 ในเพศหญิง รองจากมะเร็งเต้านม ตับ ปากมดลูก และปอด มีผู้เสียชีวิตวันละ 14 คน หรือ 5,068 คนต่อปี

  • สถิติกระทรวงสาธารณสุข พบว่า มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของไทยมาตั้งแต่ปี 2541 รองมาจากอุบัติเหตุและโรคหัวใจ โดยโรคมะเร็งที่ทำให้เสียชีวิตมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งปากมดลูก มีการคาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพิ่มเกือบ 2 เท่า จากปี 2557 มาอยู่ที่ 21,188 รายในปี 2568
  • ปัจจุบันวิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะพฤติกรรมการบริโภค กินอาหารไขมันสูง กินอาหารปิ้งย่างไหม้เกรียม และเนื้อสัตว์แปรรูป เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค รวมถึงปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การขาดการออกกำลังกาย มีภาวะอ้วนน้ำหนักเกิน และประวัติครอบครัว หรือตัวเองเป็นติ่งเนื้อในลำไส้

การเกิดติ่งเนื้อในลำไส้ พัฒนาจนเป็นมะเร็งในระยะเวลา 10-15 ปี ในระยะเริ่มแรกของโรคไม่มีอาการ แต่จะมีอาการเมื่อเกิดการลุกลามมากขึ้นจนถึงระยะสุดท้าย เช่น การถ่ายอุจจาระผิดปกติ มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง ถ่ายไม่สุด ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หรืออาจถ่ายเป็นเลือดสด ขนาดลำอุจจาระเล็กลง และมีอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด จุกเสียด

 

ถือเป็นข่าวดีของคนไทย เพราะล่าสุด ศ.ดร.รวี เถียรไพศาล นักวิจัยคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในฐานะหัวหน้าทีมวิจัย ซึ่งสามารถคัดเลือกจุลินทรีย์ โพรไบโอติกส์ สายพันธุ์ใหม่” สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก นำไปใช้ในการป้องกันฟันผุ กล่าวกับ ”ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ว่า งานวิจัยโพรไบโอติกส์ เป็นผลงานประดิษฐ์ภายใต้การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ประเภทอนุสิทธิบัตรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยเป็นงานวิจัยต่อเนื่องภายหลังนำไปใช้ป้องกันฟันผุ ซึ่งที่ผ่านมามีภาคเอกชนมาขอใช้ไปทำผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่างๆ และการวิจัยในขั้นต่อไปกำลังนำไปใช้ในการป้องกันมะเร็งลำไส้

สำหรับมะเร็งลำไส้ เป็นโรคอันดับ 3 พบมากที่สุดในโลก มีสาเหตุมาจากการขาดสมดุลของจุลินทรีย์ ทั้งจากอาหารและพฤติกรรมการกิน ทำให้มีสารพิษในร่างกาย นอกจากนี้ยังเกิดจากกรรมพันธุ์คนในครอบครัวที่มีส่วนทำให้มีความเสี่ยงสูงในการเป็นมะเร็งลำไส้ เหมือนกับโรคเบาหวาน ซึ่งขณะนี้กำลังต่อยอดงานวิจัยในการนำจุลินทรีย์จากโพรไบโอติกส์ มาสกัดหาสารเพื่อป้องกันการเป็นมะเร็งลำไส้ โดยดำเนินการมาครึ่งทางแล้วในสัดส่วนที่ดีในหลอดทดลอง และในอนาคตอันใกล้จะทดลองกับมนุษย์

โพรไบโอติกส์ คือโปรตีนที่ได้จากสารสกัดจุลินทรีย์ในร่างกายของมนุษย์ เฉพาะตัวที่มีประโยชน์ ทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่เมื่อใดมีตัวจุลินทรีย์ที่มีปัญหาอยู่ในร่างกาย จะทำให้ร่างกายเกิดโรคได้ และการจะได้จุลินทรีย์ตัวที่ดี ต้องได้มาจากคนสุขภาพดี หรือ 100 คน น่าจะมี 1 คน หรือบางครั้งใน 100 คนไม่มีเลย แต่เมื่อได้จุลินทรีย์จากคน 1 คนมาแล้วด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์ จะทำให้ได้จุลินทรีย์มาอีกหลายๆ 100 ตัว และนำไปเพิ่มจำนวนได้อีก”

ศ.ดร.รวี บอกว่า ที่ผ่านมาใช้เวลา 10 ปี กว่าจะประสบความสำเร็จในการคัดเลือกจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ เพื่อนำไปใช้ในการป้องกันฟันผุ และกำลังต่อยอดใช้ป้องกันมะเร็งลำไส้ ซึ่งเป็นงานวิจัยที่คนไทยกำลังศึกษาเป็นครั้งแรก และต้องมีการพิสูจน์ ผ่านขั้นตอนทดลองว่าได้ผลดีจริงหรือไม่ แม้ว่าขณะนี้การทดสอบในหลอดทดลองอาจใช้ได้ผล มีแนวโน้มในทางที่ดี คาดว่าการศึกษาในคนจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี จะเห็นผลขั้นต้นในการป้องกันมะเร็งลำไส้

พร้อมย้ำว่าโพรไบโอติกส์จะเหมือนอาหารเสริม มาสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ไม่ใช่การรักษามะเร็งลำไส้ เพราะหากป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ไปแล้ว อาจช่วยชะลอไม่ให้ลุกลาม จากการคุณสมบัติสามารถช่วยให้เซลล์มะเร็งตายได้ ซึ่งในต่างประเทศได้มีการนำไปใช้ แต่เป็นโพรไบโอติกส์คนละสายพันธุ์

ส่วนคุณสมบัติของโพรไบโอติกส์ เป็นตัวช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย เช่นเดียวกับการกินวิตามินซี ช่วยป้องกันการเป็นหวัด หรือโพรไบโอติกส์ อาจช่วยป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ได้ในแง่กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ไม่ใช่การรักษา หรือกรณีมีเชื้อฟันผุในปาก ก็สามารถป้องกันได้ โดยที่ผ่านมาหลายคนมองข้ามในการรักษาฟันผุ ทั้งที่ความจริงแล้วฟันผุก่อให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด อาจทำให้เสียชีวิตได้ เนื่องจากฟันผุทะลุไปถึงโพรงรากฟัน ซึ่งเป็นอันตรายมาก ดังนั้นต้องเอาใจใส่ดูแลฟันในช่องปากให้ดี

Search